คุณทศพล (นามสมมุติ) อาชีพพนักงานบริษัท อายุ 35 ปี เข้ามาตรวจสายตาที่ร้านหมอแว่นเพราะเพื่อนแนะนำมา โดยคุณทศพลเพิ่งไปตัดแว่นมาใหม่ แต่ใส่ไม่สบายตา
ภาพแสดง Prismatic Effect ของเลนส์นูน(ภาพบน) และเลนส์เว้า(ภาพล่าง) การตั้งศูนย์แว่นไม่ตรง อาจส่งผลต่อความสบายตาได้
จากการตรวจสอบแว่นเดิมที่เพิ่งตัดมาได้สามสัปดาห์ มีค่าสายตาดังนี้
- ตาขวา : -6.50 D
- ตาซ้าย : -6.00 D
- PD แว่นตา 34/34 มม.
คุณทศพลบอกว่าแว่นอันเดิมใส่แล้วมองไม่ชัด แต่ไม่มีปัญหาปวดตา แต่มาเริ่มปวดตาเมื่อใส่แว่นใหม่ที่เพิ่งตัด โดยจะเริ่มปวดเมื่อใส่แว่นและมองใกล้ ใช้สายตาได้ไม่เกิน 15 นาทีจะเริ่มมีอาการปวดตา เมื่อกลับไปร้านเดิมที่ตัดแว่น ทางร้านแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้ โดยบอกกับคุณทศพลว่า แว่นใหม่ค่าสายตาเยอะ ต้องใช้เวลาปรับตัวประมาณ 2 สัปดาห์
จากการวัด PD จริง ได้ค่า PD ของคุณทศพล เมื่อมองไกลคือ 31/31 มม. และ PD เมื่อมองใกล้คือ 29/29 มม. จากค่า PD ที่วัดได้ เมื่อให้ใส่แว่นทดลองที่มีค่า PD ตรงสักพักก็ไม่เกิดอาการปวดตา ทำให้สรุปได้ว่าปัญหาแว่นใหม่ใส่แล้วปวดตา เกิดจากการตั้งค่า PD ผิด ทำให้เกิด Prismatic Effect โดยจะได้รับ Prism Base In เมื่อมองใกล้ 6.25 ปริซึม และได้รับ Prism Base In เมื่อมองไกล 3.75 ปริซึม โดย Prism Base In นี้จะทำให้คนไข้เสมือนมี Esophoria (ตาเหล่ซ่อนเร้นเข้าใน) ทำให้ต้องการ Negative Fusional Vergence มากขึ้น และถ้าคนไข้มีไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดปัญหา เช่น เมื่อยตาหรืองงหัวได้
ภาพแสดงจุดศูนย์กลางตาไม่ตรงกับจุดศูนย์กลางเลนส์แว่นตาทำให้ตาได้รับ prismatic effect ลักษณะ Base In
การประกอบแว่นที่ดีให้ใส่แล้วได้ภาพที่คมชัดและสบายตา ต้องคำนึงถึงค่าพารามิเตอร์ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแว่นที่มีค่าสายตาสูง หรือแว่นโปรเกรสซีฟ หลังจากทางร้านตัดแว่นให้ใหม่ โดยใช้ค่าสายตาเดิม แต่ปรับค่า PD ให้ถูกต้อง (โดยคิดจาก PD จริง ควบคู่กับ ค่า Phoria ที่ระยะไกลและใกล้ รวมทั้ง Positive & Negative Fusional Vergence ของคนไข้) อาการปวดตาของคุณทศพลก็หายไป