น้องณัฐพล (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี เรียนชั้นอนุบาล2 โรงเรียนย่านคลองสองต้นนุ่น มีปัญหาทั้งด้านพฤติกรรมและการเรียน โดยพฤติกรรม มักหยีตามอง ชอบเล่นคนเดียว ไม่เล่นกับเพื่อน เป็นเด็กขาดความมั่นใจ กลัวคน ผลการเรียนไม่ดี ครูประจำชั้นจึงแนะนำคุณแม่ให้พาน้องไปตรวจสายตา คุณแม่พาไปร้านแว่นตาทั่วๆไป 3 ร้าน ทุกร้านไม่สามารถวัดสายตาให้ได้ เนื่องจากน้องไม่ให้ความร่วมมือ ร้านสุดท้ายแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล โดยไปที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ครั้งแรกที่พาไป น้องไม่ให้ความร่วมมือ หมอเลยนัดอีกครั้ง ไปครั้งที่สอง ต้องเข้าคิวรอนาน ตั้งแต่ 8.00 น. จนกระทั่ง 12.00 น. ยังไม่ได้ตรวจ น้องรอไม่ไหว คุณแม่เลยต้องพากลับบ้านโดยที่ยังไม่ได้ตรวจตา
คุณแม่พาน้องมาตรวจสายตาที่ร้าน หมอแว่น เนื่องจากมีเพื่อนแนะนำมา เมื่อเริ่มการตรวจ น้องค่อนข้างต่อต้านและไม่ให้ความร่วมมือ จึงไม่สามารถใช้เครื่องวัดสายตาคอมพิวเตอร์ได้ เมื่อจะใช้ Phoroptor น้องก็ยังไม่ให้ความร่วมมือเช่นเคย เลยต้องใช้เทคนิคเรติโนสโคปร่วมกับ Trial Frame เพื่อให้ได้ค่าสายตา และหาค่าสายตาละเอียดโดยใช้ Handheld JCC ร่วมกับ Subjective Method ระหว่างการตรวจคุณแม่ต้องคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆและช่วยสื่อสารกับน้องนัฐพล เนื่องจากน้องไม่ยอมคุยกับคนแปลกหน้าเลย หลังจากพยายามตรวจอยู่พักใหญ่ ก็ได้ค่าสายตาซึ่งทำให้น้องใส่แว่นแล้วมองได้ชัดขึ้นเป็นอย่างมากจาก 20/150 ที่ 2 เมตร เป็น 20/70+2 ที่ 2 เมตร ทางร้านจึงตัดแว่นให้และนัดมาตรวจซ้ำอีก 2 สัปดาห์
รูป Retinoscope และ Trial Frame เครื่องมือที่ช่วยได้ เมื่อน้องไม่ยอมเข้าเครื่องวัดสายตาคอมพิวเตอร์ และไม่ยอมใช้ Phoroptor
เนื่องจากน้องมีสายตาเอียงค่อนข้างมากทั้งสองตา ทำให้เห็นภาพไม่ชัดทั้งในระยะใกล้และไกล คาดว่าพฤติกรรมความไม่มั่นใจในตนเองน่าจะเกิดจากการที่มองเห็นภาพไม่ชัด และการที่ไม่กล้าตอบหรืออ่านตัวเลขให้ฟัง อาจเนื่องจากกลัวอ่านผิด เพราะน้องสายตาไม่ดี มองเห็นภาพไม่ชัด ถ้าครูเรียกให้อ่านหนังสือบนกระดานดำ น่าจะอ่านผิดหรืออ่านไม่ได้ ทำให้ถูกครูดุบ่อยครั้ง และขาดความมั่นใจในที่สุด(สังเกตจากน้องกล้าอ่านให้คุณแม่ฟังแต่ไม่กล้าอ่านให้คนอื่นฟัง เพราะกลัวถูกตำหนิว่าอ่านผิด)
หลังจากการรับแว่นได้ 7 วัน น้องชอบใส่แว่น และคุณแม่สังเกตว่าอาการหยีตามองลดลง 1 เดือนต่อมาจากการตรวจ พบว่าน้องนัฐพลมี BVA ดีขึ้นจากที่เคยเห็น 20/70+2 ที่ 3 เมตร เป็น 20/40-1 ที่ 3 เมตร
ปัจจุบันน้องดูมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างมากเทียบกับครั้งแรกที่พบ กล้าพูดคุยกับคนอื่นมากขึ้น สามารถตอบคำถามครูได้ ผลการเรียนดีขึ้น เป็นเด็กร่าเริงและเล่นกับเพื่อนๆได้ พฤติกรรมเปลี่ยนจากเด็กขาดความมั่นใจ ไม่มีเพื่อน เป็นเด็กที่มีความมั่นใจมากขึ้น ร่าเริง และเล่นกิจกรรมกลางแจ้งเช่น ฟุตบอล วิ่งไล่จับกับเพื่อนๆ
รูปเด็กวิ่งเล่น เด็กที่มีปัญหาสายตา มักไม่ชอบไปวิ่งเล่นกับเพื่อน
อนึ่ง ปัญหาสายตาในเด็ก นอกจากจะมีปัญหาทางด้านกายภาพ คือทำให้เด็กเห็นได้ไม่ชัด และอาจเป็นตาขี้เกียจถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีแล้ว ยังสามารถส่งผลให้เด็กมีปัญหาทางสังคมและพฤติกรรมด้วย ดังเช่นน้องนัฐพล ซึ่งถ้าณัฐพลไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที เมื่อโตขึ้นอาจมีพฤติกรรมขาดความมั่นใจ ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ และอาจเป็นเด็กที่ก่อปัญหาให้สังคมได้ในที่สุด ดังนั้น ถ้าผู้ปกครองหรือครูอาจารย์ที่สังเกตเห็นว่าเด็กคนใดมีพฤติกรรมไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ชอบมองคนข้างๆ ไม่ตั้งใจเรียน ไม่สนใจกระดานดำ ขาดความมั่นใจในการตอบคำถามฯลฯ ควรพาเด็กคนนั้นมาตรวจสายตาเพื่อวินิจฉัยว่ามีภาวะสายตาผิดปกติหรือไม่ เพื่อทำการแก้ไขต่อไป