“เลนส์ยิ้ม” คู่แรก กับคอนแทคเลนส์หน้าไข่กุ้ง (The First “ScleraSmile” Charity Scleral Lens) [AT176]

“เลนส์ยิ้ม” คู่แรก กับคอนแทคเลนส์หน้าไข่กุ้ง (The First “ScleraSmile” Charity Scleral Lens) [AT176]

“เลนส์ยิ้ม” คู่แรก กับคอนแทคเลนส์หน้าไข่กุ้ง
The First “ScleraSmile” Charity Scleral Lens

Scleral Lens คอนแทคเลนส์พลาสติกชิ้นเล็กๆ ที่ดูไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่กับบางคนที่ต้องใช้ มันกลับเหมือนของวิเศษ เพราะสามารถทำให้ตาที่พร่ามัวกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง

สำหรับผู้มีปัญหาสายตา สั้นมาก ยาวมาก หรือเอียงมากๆ คอนแทคเลนส์นับเป็นการแก้ปัญหาที่ดีมากอีกทางหนึ่ง

คุณเค (นามสมมุติ) ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สายตายาวมาก (Hyperopia) ตาขวา +17.50 และตาซ้าย +20.00 ไดออปเตอร์
เรียกบ้านๆว่า สายตายาวประมาณสองพัน

สำหรับค่าสายตายาวระดับนี้ ถ้าไม่ใส่แว่นตา การมองเห็นจะมัวมาก จนไม่สามารถอ่านตัวหนังสือใหญ่ๆที่พาดหัวหนังสือพิมพ์ได้ ถ้ามองหน้าตัวเองในกระจก ก็จะไม่เห็นว่าหน้าตัวเองเป็นอย่างไร

คุณเคเป็นช่างไฟฟ้า รับเดินสายไฟ ซ่อมไฟฟ้าเล็กๆน้อยๆ ต้องใช้สายตาดูสายไฟเล็กๆ ดังนั้นการมองเห็นชัดจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการหาเลี้ยงชีพ

คุณเคมีแว่นตาอยู่หนึ่งอัน แต่แว่นตาที่ค่าสายตายาวเกือบสองพัน เลนส์จะมีความหนามากๆ จนเราเรียกเลนส์ชนิดนี้ว่า “เลนส์เบ้าขนมครก” เพราะว่ามันมีลักษณะหนาและนูนเหมือนกับขนมครก ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว

การใส่แว่นตาอย่างที่ว่า ออกมาเดินตามท้องถนน ก็จะถูกมองว่าเป็นคนประหลาดได้อย่างไม่ยาก

ดังนั้นสิ่งที่คุณเคใช้ทุกวัน จึงเป็นคอนแทคเลนส์ เพราะว่ามันทำให้เค้ามองเห็นชัดขึ้น และดูไม่แตกต่างจากคนทั่วไป นั่นเอง

คุณเคมาหาหมอเบิร์ดครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ด้วยความอยากได้คอนแทคเลนส์ใหม่

เมื่อตรวจตาขณะใส่เลนส์คู่เดิมอยู่ พบว่ามีเม็ดอะไรบางอย่างเกาะเป็นกลุ่มที่ผิวของคอนแทคเลนส์ใกล้เปลือกตาล่าง ผมตกใจเพราะไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อน มันดูคล้ายไข่กุ้ง โอ้ไม่นะ ไม่น่าจะใช่ “คอนแทคเลนส์หน้าไข่กุ้ง!!!”

เมื่อสอบถาม พบว่าคุณเคใส่คอนแทคเลนส์คู่นี้มากว่าสิบปีแล้ว

คอนแทคเลนส์นิ่มรุ่นที่คุณเคใช้งานมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนหรือ 1 ปี แต่คู่สุดท้าย ถูกใช้งานมากว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากร้านแว่นตาที่ขายเลนส์ให้ บอกว่าบริษัทเดิมเลิกผลิตไป หลังจากนั้นคุณเคก็พยายามหาเลนส์มาตลอด ไปมาหลายที่ ทั้งร้านแว่นตา โรงพยาบาล ศูนย์เลสิก ศูนย์สายตาต่างๆ ก็ไม่มีเลนส์ดังกล่าว จึงต้องทนใส่คู่เดิมมาร่วมสิบปี

ภาพคอนแทคเลนส์นิ่มที่คุณเคใช้มากว่า10 ปี

การใช้คอนแทคเลนส์นิ่ม อายุ 10 ปี ทำให้เกิดคราบโปรตีนและสิ่งสกปรกสะสม ทำให้ขณะใส่ มีอาการ ตาแดง ตาแห้ง ตามัว คันตา และเจ็บตาเมื่อใส่นานๆ แต่ก็ต้องฝืนใส่ เพราะถ้าถอดเลนส์ ก็จะตามัว มองเห็นไม่ชัดจนไม่สามารถทำงานได้

ภาพคอนแทคเลนส์นิ่มขณะอยู่บนตาคุณเค

 

 

 

 

 

 


ถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากใส่เลนส์คู่เดิม ที่ทำให้ตาแดง คัน เคืองตา เจ็บตา มานับสิบปี

คอนแทคเลนส์นิ่ม หลังจากใช้งาน จะเริ่มมีการสะสมของคราบโปรตีนและสิ่งสกปรกบนผิวเลนส์

คราบโปรตีนโดยทั่วไป เมื่อตรวจจะพบเหมือนเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ดูคล้ายรอยเปื้อนบนผิวกระจก แต่เลนส์ของคุณเคกับการสะสมคราบเป็นสิบปี ทำให้คราบโปรตีนและสิ่งสกปรกหนาขึ้น จนเป็นเม็ดนูน กลม หนาขึ้นมา คล้ายไข่กุ้งหน้าซูชิ (คิดอยู่ว่า ถ้าเอารูปส่งประกวดในงานประชุมวิชาการด้านคอนแทคเลนส์ อาจมีลุ้นได้รางวัลเลยทีเดียว)

หมอเบิร์ดแนะนำให้หยุดใช้เลนส์คู่เดิมเพราะไม่ปลอดภัยต่อดวงตา โดยให้ใส่แว่นตาไปก่อน

โดยคอนแทคเลนส์นิ่มคู่ใหม่ต้องเป็นเลนส์สั่งตัด ราคาคู่ละหมื่นกว่าบาท เมื่อคุณเคทราบ ก็บอกว่าขอไปเก็บเงินก่อน เพราะยังมีเงินไม่พอ แล้วคุณเคกับภรรยาก็กลับไป….

สองปีต่อมา ภรรยาคุณเค โทรกลับมา สอบถามราคาเลนส์อีกครั้ง ภรรยาบอกว่า คุณเคยังใส่คอนแทคเลนส์คู่เดิม (เลนส์หน้าไข่กุ้ง) อยู่ มีปัญหากับการใช้งานเนื่องจากใส่ได้ไม่นานก็ต้องถอดออก เพราะว่ามีอาการเจ็บ เคืองตา ทุกๆวันคุณเคต้องถอดเลนส์ออกมาเป็นระยะ เมื่อตาเจ็บทุเลาลงก็ใส่เลนส์เข้าไปใหม่และทำงานต่อ ทุกเย็นหลังจากการทำงาน คุณเคต้องรีบถอดคอนแทคเลนส์และทรมานกับอาการเจ็บตา ตาแดง จนภรรยาทนไม่ไหว ที่โทรมาสอบถามราคาเลนส์เพื่อจะได้ไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาซื้อเลนส์คู่ใหม่ เพราะสงสารสามี เมือพูดถึงตรงนี้ ภรรยาคุณเคก็ร้องไห้

เงินหลักหมื่น อาจเป็นเงินเล็กน้อยของใครบางคน แต่อีกหลายๆคน มันเป็นเงินที่เยอะมาก และไม่สามารถหาได้

ชีวิตผมตอนเด็กๆ เคยอยู่ในสภาพ ทั้งบ้านมีเงินอยู่พันกว่าบาท แต่ค้างค่าเช่าบ้านสามเดือน จึงเข้าใจเหตุการณ์นี้ได้ดี

หมอเบิร์ดเห็นว่าคุณเคและภรรยาควรได้รับการช่วยเหลือ จึงตัดสินใจมอบเลนส์ฟรีชิ้นแรกให้คุณเค ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะมอบให้น้องเด็กปั้ม *(ผู้จุดประกายที่ทำให้หมอเบิร์ดริเริ่มโครงการ ScleraSmile ที่ปัจจุบันยังหาตัวไม่พบ)

เลนส์เดิมที่คุณเคใช้เป็นเลนส์นิ่ม ถ้าจะสั่งคู่ใหม่แบบสั่งตัดราคาหมื่นกว่าบาท มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน แต่หมอเบิร์ดแนะนำว่าให้ใช้ Scleral Lens ดีกว่า เพราะถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่าเลนส์นิ่ม 2-3 เท่า แต่อายุการใช้งานได้นานอย่างน้อย 4-5 ปี

Scleral Lens ต่างจากเลนส์นิ่มที่เนื้อวัสดุจะแข็งกว่าทำให้มีความทนทานไม่ฉีกขาดง่าย และสามารถทำความสะอาด ขจัดคราบโปรตีนได้อย่างหมดจด ทำให้เลนส์มีอายุการใช้งานที่นานกว่า

หลังจากคุณเคได้รับ Scleral Lens คุณเคกลับมามองเห็นได้ชัดกว่าเลนส์นิ่มคู่เดิม และปัญหาตาแดง คัน เคือง เจ็บตาก็หมดไป ล่าสุดมาตรวจตามผล ก็ใส่เลนส์ได้ทั้งวันโดยไม่มีปัญหาตาแดง คัน เคือง หรือเจ็บตาเหมือนเมื่อก่อน

ภาพหลังใส่ Scleral Lens

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

_________________________________________

ขอขอบคุณ
– Visionary Optic ที่สนับสนุนเลนส์ในโครงการ “ScleraSmile” เพื่อให้คุณเคกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
– นพ. คำนูณ อธิภาส คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา แพทย์ผู้มีเมตตา ที่ส่งตัวคุณเคมา
– น้องหมอกอล์ฟ ผู้ใจดี ที่พยายามหาเคสคุณเคจากภาพสามหมื่นกว่าภาพในเครื่อง Slit lamp

_________________________________________

*น้องเด็กปั้ม ผู้จุดประกาย โครงการ ScleraSmile

เมื่อประมาณปี 2557 มีคนไข้ชายอายุ 22 ปี คนหนึ่ง เข้ามาตรวจตากับหมอเบิร์ด บอกว่า “เจ้านายให้มาตัดแว่น ถ้ามองเห็นไม่ชัดจะไล่ออกจากงาน”

น้องทำงานเป็นเด็กปั้มน้ำมัน มีหน้าที่เติมน้ำมันให้กับลูกค้า มีปัญหาการทำงาน คือ น้องตามัว ทำให้ไม่สามารถบีบหัวจ่ายน้ำมันให้เศษสตางค์เป็นศูนย์ได้ เนื่องจากขณะยืนเติมน้ำมันอยู่ที่รถ จะมองตัวเลขที่วิ่งบนมิเตอร์หัวจ่ายไม่เห็น ดังนั้น ถ้าลูกค้าสั่งเติมน้ำมันเต็มถัง น้องก็จะต้องบีบแล้ววิ่งไปดูตัวเลข ทำซ้ำๆอย่างนี้หลายๆรอบ จนกระทั่งได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงหรือไม่มีเศษสตางค์

หลังจากเจ้าของปั้มบอกให้ไปตัดแว่น น้องไปร้านแว่นมาหลายร้าน ทุกร้านบอกว่าน้องสายตาเอียงมาก เมื่อทดลองให้ใส่เลนส์แว่นตาค่าไหนก็มองเห็นไม่ชัด

น้องมาตรวจกับหมอเบิร์ดที่ร้านหมอแว่น จากการตรวจสายตา พบว่าสายตาเอียงมากจริงๆ เลยตรวจด้วยเครื่องถ่ายแผนที่กระจกตา พบว่า น้องเป็นโรคกระจกตาโป่ง ทำให้ค่าสายตาเอียงและสั้นมาก คนเป็นโรคนี้ถ้าเป็นมาก จะทำให้ใส่แว่นตาเบอร์ไหนก็ไม่ชัด การแก้ไขที่จะทำให้เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ การใช้คอนแทคเลนส์ชนิดกึ่งแข็งกึ่งนิ่ม

พอหมอเบิร์ดทดลองให้น้องใส่สเคลอร่าเลนส์ น้องกลับมามองเห็นชัดได้ใกล้เคียงคนปกติ น้องดีใจมาก แต่เมื่อสอบถามราคาเลนส์ น้องก็บอกว่าขอปรึกษาป้าดูก่อน เนื่องจากราคาเลนส์คู่ละสามหมื่นกว่าบาท น้องไม่สามารถจ่ายได้

หลังจากนั้น น้องก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย หมอเบิร์ดพยายามโทรไปที่โทรศัพท์มือถือ เบอร์ก็ถูกปิดไปแล้ว

จากเหตุการณ์น้องเด็กปั้มดังกล่าว ทำให้หมอเบิร์ดคิดว่า “เราน่าจะมีอะไรที่ช่วยคนไข้ที่มีความจำเป็น แต่ไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่าเลนส์”

จึงเป็นจุดกำเนิดของโครงการ “ScleraSmile” Charity Scleral Lens โดยการฟิตสเคลอร่าเลนส์ทุกๆสิบชิ้น หมอเบิร์ดร่วมกับ Visionary Optic จะบริจาคเลนส์หนึ่งชิ้นต่อคนไข้หนึ่งท่าน ให้กับคนไข้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เลนส์แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยหวังว่า เลนส์ที่ให้ไป จะทำให้ผู้รับบริจาค มีการมองเห็นที่ดีขึ้น และทำให้ชีวิตดีขึ้น

ทั้งนี้ ลักษณะคนไข้ที่เข้าข่ายได้รับบริจาค อยากให้มีคุณสมบัติเบื้องต้นดังนี้นะครับ
– มีความจำเป็น ที่ต้องใช้ Scleral Lens เพื่อแก้ไข หรือบรรเทาอาการผิดปกติของสายตาหรือดวงตา (เช่น โรคกระจกตาโป่งพอง อาการกระจกตาไม่เรียบ ตาแห้งรุนแรง ค่าสายตาสูง ฯลฯ)
– กระจกตายังใสอยู่ เพื่อจะให้ได้การมองเห็นที่ดีหลังจากใช้เลนส์
– ขาดแคลนทุนทรัพย์ ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าเลนส์ในราคาปกติได้

พบผู้ป่วยหรือผู้เดือดร้อน กรุณาให้ติดต่อมาตามข้างล่างนะครับ

  • อ.วุฒิพงษ์ พึงพิพัฒน์
  • คลินิกคอนแทคเลนส์ คณะทัศนมาตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  • Line@ : @drbirdcl
  • โทร 06-4141-9393
  • e-mail : vpbirdod@gmail.com

 

********ปัญหาที่ Scleral Lens ช่วยได้
กระจกตาไม่เรียบทุกประเภท เช่น กระจกตาโป่งพอง (Keratoconus) กระจกตาย้วย แผลเป็นที่กระจกตาหลังอุบัติเหตุหรือการติดเชื้อ

*******ปัญหา ที่ Scleral lens ช่วยไม่ได้
– ปัญหาจอตาทุกชนิด เช่น จอตาเสื่อม จอตาฉีกขาดหลุดลอก เบาหวานขึ้นตา เลือดออกในจอตา พังผืดขึ้นจอตา
– ปัญหากล้ามเนื้อตา ตาเหล่ ตาเข เขซ่อนเร้น
– ปัญหาตาอักเสบ ติดเชื้อทุกชนิด ต้องรักษาจนหายก่อน

แชร์ไปที่ :

บทความอื่นๆ

ติดต่อนัดหมาย